| |||
|
WELLCOM TO BLOGGER KRU YUNGYING
นส. สุฑารัตน์ จันทาทอง รหัส 5281123123 ชั้นปีที่ 3 คณะ ครุศาสตร์ โปรแกรมวิชา ภาษาอังกฤษ
วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
|
สุดทึ่ง! "ตุ๊กแก"ห้อยหัว ท่าทางคล้ายพนมมือ ขณะพระสวดทำบุญ
|
วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
นักวิจัยชี้ ดื่มกาแฟช่วยลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
ผลการศึกษาจากสถาบันวิจัยในสหรัฐฯพบว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟวันละ 4 แก้วหรือมากกว่านั้น อาจช่วยลดความเสี่ยงในการพัฒนาของโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้
ผลการศึกษาที่นำออกเผยแพร่บนวารสารมะเร็งระบาดวิทยา สิ่งบ่งชี้ทางชีววิทยาและการป้องกัน ที่ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างที่เป็นสตรีพบว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟวันละ 4 ถ้วยหรือมากกว่านั้น มีความเสี่ยงในการพัฒนาของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ได้มากกว่าผู้ที่ดื่มน้อยกว่า 1 ถ้วยต่อวัน
ทั้งนี้ โดยทั่วไปผู้หญิงที่ไม่ว่าจะดื่มกาแฟหรือไม่ อาจมีการพัฒนาไปสู่การเป็นโรคมะเร็งได้ค่อนข้างน้อย โดยในรอบกว่า 26 ปีที่ผ่านมา มีสตรีจำนวนเพียง 672 รายจาก กลุ่มศึกษา 67,000 รายที่ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
นักวิจัยได้สำรวจพยาบาลกว่า 67,000 คนในสหรัฐฯ พบว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟมากมีโอกาสลดลง 25 % ที่จะเป็นมะเร็งที่มดลูกเมื่อเปรียบเทียบกับสตรีที่ดื่มกาแฟโดยเฉลี่ยน้อยกว่าวันละ 1 แก้ว นักวิจัยยังไม่สามารถสรุปได้ว่ากาแฟคือสาเหตุที่ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลดลง แต่ผลการศึกษาชิ้นนี้ได้ตอกย้ำผลการศึกษาหลายชิ้นก่อนหน้านี้ที่ให้ผลในลักษณะคล้ายคลึงกัน
นายเอ็ดเวิร์ด โจวานนุชชี นักวิจัยอาวุโสคณะสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด กล่าวว่ากาแฟโดยตัวเองอาจมีประโยชน์บางประการ โดยสามารถลดระดับของอินซูลินและฮอร์โมนเอสโตรเจนที่หมุนเวียนในร่างกาย ซึ่งทั้งสองชนิดมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
นักวิจัยทำการสำรวจปัจจัยอื่นๆ ที่จะมีผลต่อการเป็นมะเร็ง เช่น น้ำหนักตัว ประวัติตั้งแต่แรกเกิด การใช้ฮอร์โมนหลังวัยหมดประจำเดือน ยาเม็ดคุมกำเนิด แต่ทั้งหมดไม่ได้ทำให้ความเสี่ยงเป็นมะเร็งลดลงในหมู่คนที่ดื่มกาแฟ
นักวิจัยเตือนว่า การดื่มกาแฟวันละ 4 แก้วอาจไม่เป็นผลดีนัก โดยเฉพาะกับผู้ที่มีร่างกายอ่อนไหวต่อการได้รับสารคาเฟอีน และแม้นักวิจัยพบว่า กาแฟที่สกัดสารคาเฟอีนทำให้ความเสี่ยงเป็นมะเร็งต่ำลง แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลยืนยันที่ชัดเจนทางสถิติ และในทางทฤษฎี การใส่น้ำตาลและครีมในกาแฟก็จะทำให้อ้วน ซึ่งความอ้วนคือปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
เกร็ดความรู้ สารอาหารที่ทำให้ผมสวย
อาหารที่ทานในแต่ละวัน มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมแค่ไหน? และเส้นผมต้องการสารอาหารชนิดใดเพื่อบำรุงให้สวยงาม
ผมแต่ละเส้นมีระยะเวลาในการเติบโตประมาณ 6-7 ปี จากนั้นจึงจะหลุดร่วงไปตามธรรมชาติแล้วมีผมเส้นใหม่ขึ้นมาแทน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เส้นผมมีวงจรการเจริญเติบโตตามปกติ เพราะอาจต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งสาเหตุหนึ่งอาจมาจากการดูแลอย่างไม่ถูกต้องหรือขาดสารอาหาร เนื่องจากเส้นผมเป็นสิ่งที่สะท้อนสุขภาพโดยรวม ซึ่งแร่ธาตุที่ทำให้เส้นผมเจริญเติบโตเร็วประกอบด้วย “ธาตุเหล็ก”ที่มีในเซลล์เม็ดเลือดแดง ธาตุเหล็กทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมได้ดีและทำให้เส้นผมไม่เปราะขาดง่าย
“สังกะสี” เป็นธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของทุกอวัยวะในร่างกายและช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการขาดร่วงของเส้นผม มีมากในงาและดาร์ค ชอคโกแลต ส่วน“อินโนซิทอล”ช่วยในการย่อยไขมันให้กลายเป็นโมเลกุลเล็กๆ และช่วยในการสร้างเซลล์กระดูกใหม่ๆ เซลล์เส้นผม ผิวหนัง และเยื่อหุ้มเซลล์
ด้านวิตามินที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของผมได้แก่ “วิตามินเอช”ซึ่งรู้จักกันในชื่อ ไบโอตินหรือวิตามินบี 7 พบได้ในถั่วและไข่แดง วิตามินเอชจะช่วยป้องกันการเกิดผมขาวและผมหลุดร่วง “วิตามินเอ”ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และบำรุงผม มีมากในเนื้อสัตว์ ไข่ ชีส ผักขม ปลา นม บร็อคโคลี แครอทและผักกะหล่ำ
“วิตามินซี”จะช่วยสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำให้ผมไม่เปราะหักง่ายและกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม อย่างไรก็ตามควรทานผลไม้ที่มีวิตามินซี อย่างฝรั่งหรือส้ม มากกว่าทานวิตามินซีแบบเม็ด ยกเว้นตามคำสั่งแพทย์ ด้าน“วิตามินอี”ทำให้โลหิตไหลเวียนบริเวณหนังศีรษะได้ดี พบมากในผักใบเขียว ถั่วเหลือง แต่ผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงไม่ควรทาน
สุดท้าย“วิตามินบี5” ทำให้เส้นผมแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย และป้องกันการเกิดผมขาว มีในอาหารหลากหลายชนิด เช่น ตับ เครื่องในสัตว์ ไข่แดงและผัก
วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555
วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2555
สำหรับคุณผู้อ่านที่รู้สึกว่า สัญญาณ Wi-Fi ของเราท์เตอร์ที่บ้านไม่แรงพอ ทดลองทำตาม 8 ขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้ดู บางทีอาจช่วยให้สํญญาณ Wi-Fi แรงขึ้นจาก 2 แท่งเป็น 4 - 5 แท่งเลยก็ได้ ที่สำคัญมันใช้แค่กระป๋องเบียร์ หรือกระป๋องเครื่องดืมน้ำอัดลมทั่วไปกับเครื่องไม้เครื่องมือไม่กี่ชิ้นเท่า นั้น นับเป็นไอเดียที่ฉลาดมากทีเดียว แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ว่าแล้วไปติดตามรายละเอียดการทำกันเลยดีกว่าครับ
1. ขั้นตอนแรกให้คุณเตรียมอุปกรณ์ และต้องใช้ ซึ่งประกอบด้วย กระป๋องน้ำอัดลมที่ทำจากอะลูมิเนียม กรรไกร คัทเตอร์คมๆ และดินน้ำมันกาว (Blu tack) ดังรูป
2. ทำความสะอาดกระป๋องด้วยน้ำสะอาดจนมั่นใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ภายใน
3. ดึงวงแหวนที่ปากกระป๋องทิ้งไป
4. ใช้คัทเตอร์ตัดก้นกระป๋องออกไปดังรูป
5. หลังจากนั้นนำคัทเตอร์มาตัดอีกด้านหนึ่งของกระป๋อง (ด้านที่ดึงวงแหวนออกไป) แต่ต้องตัดไม่ครบวงรอบ โดยเหลือช่วงที่ไม่ตัดให้ขาดออกใกล้ๆ กับช่องที่ใช้ปากดื่ม ข้อสังเกตคือ ระยะที่ตัดพยายามให้อยู่ใกล้ขอบกระป๋องมากที่สุดดังรูป
6. นำกรรไกรมาตัดข้างกระป๋องเป็นเส้นตรง โดยตำแหน่งที่ตัดจะอยู่ตรงข้ามกับด้านที่ติดขอบกระป๋อง
7. ค่อยๆ ใช้มือกางกระป๋องที่ตัดให้กว้างออกมาคล้ายๆ กับจานเรดาร์รับสัญญาณ
8. ติดดินน้ำมันกาวที่ด้านล่างองกระป๋อง แล้วนำกระป๋องไปสวมลงบนเสาอากาศของเราทเตอร์ผ่านทางช่องที่ใช้ปากดื่ม โดยดินน้ำมันกาวจะยึดปากกระป๋องเข้ากับด้านบนของเราท์เตอร์ จากนั้นจัดตำแหน่งให้เหมือนในรูปข้างล่างนี้
หลัง จากทำเสร็จแล้ว ทดลองเปิดเราท์เตอร์ให้ทำงาน แล้วสังเกตแท่งสัญญาณที่แสดงบนทาสก์บาร์ของ Windows บนโน้ตบุ๊คของคุณ โดยพยายามหันด้านทีสะท้อนสัญญาณของเสามาให้ตรงกับโน้ตบุ๊ค ลองดูว่า แท่งสัญญาณจะเพิ่มขั้นหรือไม่? ขอให้คุณผู้อ่านของเว็บไซต์ arip ที่่ลองทำตาม สามารถเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ได้แรงขึ้นดังที่ใจต้องการhttp://www.youtube.com/watch?v=OYAYerjLbZE&feature=player_embedded
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)