วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Present Simple

                                                          
                     โครงสร้าง :    Subject + Verb 1 (s, es)
หลักการใช้
                   1) ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำซ้ำๆ เป็นประเพณีและเป็นนิสัย      (Repeated actions , customs and habits)
                            - He visits his family every weekend.               (repeated action)
                            - Ethiopians celebrate Christmas on 7 January.        (custom)
                            - He goes to be at nine o'clock every night.           (habit)

                    2) ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ (universal truth)
                            - The earth goes round the sun.
                            - The sun rises in the east and sets in the west.
                            - The sun shines by day ; the moon shines by night.

                    3) ใช้กับความสามารถ (ability)
                            - He plays the guitar very well.
                            - That man speaks English as well as he speaks his own language.

                     4) ใช้แทน Future หลังคำ if , unless, in case ในขณะที่ประโยคเงื่อนไข และคำ when , until, as soon as,
                          before , after
                             - If the weather is fine tomorrow , we shall have a picnic.
                             - We shall go out when the rain stops.
                             - We can't begin playing as soon as the whistle blows.
                            - I shall eat before he arrives.
     
                5) คำกริยาบางคน เราจะไม่ใช้รูป present continuous tense แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะกำลังเกิดขึ้น
                          หรือกำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันก็ตาม เช่น verb to be --- I am late now. กริยาเหล่านี้แบ่งออกเป็น 6 ชนิดคือ
                                   5.1 กริยาที่บ่งภาวะที่บังคับไม่ได้ (verb for states over which we have no control) 
                                           ได้แก่ กริยา see , hear , feel , taste , smell เช่น
                                                 -  I see that it is raining again.
                                                 -  I hear someone knocking at the door.
                                                 - This towel feels very soft.
                                                 - This soup tastes good.
                                                 - His breath smells bad.
                                   5.2 กริยาที่แสดงความนึกคิด (verb for ideas) เช่น know (รู้) , understand (เข้าใจ) , think (คิด) ,
                                          believe (เชื่อ) , disbelieve (ไม่เชื่อ) , suppose (สมมุติ) , doubt (สงสัย) ,
                                         agree (เห็นด้วย), disagree (ไม่เห็นด้วย) , realize (ตระหนัก) , consider (พิจารณา) ,
                                          notice (สังเกต) , recognize (จำได้) , forget (ลืม) , remember (จำ) , recall (ระลึกได้) เช่น
                                               - He now knows as much about the lesson as you do.
                                               - I believe what he is saying is true.
                                               - We agree to his suggestion.
                                               - The teacher considers him as an industrial srtudent.
                                               - I dony recall where I met him.               etc.
                                    5.3 กริยาที่แสดงความชอบและความไม่ชอบ (Verbs for liking and disliking) เช่น like (ชอบ) ,
                                           dislike (ไม่ชอบ) , love (รัก) , hate (เกลียด) , detest (ชิงชัง) , prefer (ชอบ) ,
                                            forgive (ยกโทษ) , trust (ไว้ใจ) , distrust (ไม่ไว้ใจ) เช่น
                                              - I like the movie I saw yesterday.
                                              - She detests people who are unkind to animals.
                                              - We prefer to go out without him.
                                              - I distrusthis young lady.       etc.
                                    5.4 กริยาที่แสดงความปรารถนา (verbs for wishing) เช่น   wish (ปรารถนา) , want (ต้องการ) ,
                                           desire (ปรารถนา) เช่น
                                             - He wishes to leave as early as possible.
                                             - She wants to go to Italy.
                                             - We all desire happiness and health.
                                    5.5 กริยาที่แสดงความเป็นเจ้าของ (Verbs of possession) เช่น possess (เป็นเจ้าของ) ,
                                           have (มี) , own (เป็นเจ้าของ) , belong to (เป็นของ) เช่น
                                            - He possesses two new cars.
                                            - She has more money than she needs.
                                            - I own several actres of land.
                                            - This bicycle belongs to my brother.
                                    5.6 กริยาเฉพาะบางคำ (Certain other verbs) เช่น be (เป็น อยู่ คือ) , appear (ปรากฎ) ,
                                           seem (ดูเหมือน) , mean (หมายความว่า) , please (พอใจ) , displease (ไม่พอใจ) ,
                                           differ (แตกต่าง) , depend (ขึ้นอยู่กับ , พึ่งพา) , resemble (ดูเหมือน) , deserve
                                         (สมควรได้รับ) , refuse (ปฏิเสธ) , result (ส่งผลให้) , suffice (พอเพียง) , consist of
                                          (ประกอบด้วย) , contain (ประกอบด้วย) , hold (บรรจุ) , fit (เหมาะสม คู่ควร) , suit (เหมาะสม) เช่น
                                          - She is very selfish.
                                          - He resembles his father.
                                          - She refuses to marry him.
                                          - New Zealand consists of two islands.
                                          - The pink dress she is wearing suits her. ......etc...
                     6. ใช้กับ adverbs of time ดังต่อไปนี้
                          often (บ่อยๆ) , always (เสมอๆ) , sometimes (บางครั้ง) , usually (โดยปกติ) , generally (โดยปกติ),
                          normally (โดยปกติ) , frequently (บ่อยๆ) , rarely (แทบจะไม่เคย นานๆ ครั้ง) , seldom (แทบจะไม่เคย
                          นานๆครั้ง) , scarcely (แทบจะไม่เคย นานๆ ครั้ง) , hardly (แทบจะไม่เคย) , never (ไม่เคย) ,
                          in general (โดยปกติ) , now and again (บางครั้งบางคราว) , from time to time (บางครั้งบางคราว)
                         occasionally (บางโอกาส) , as a rule (ตามกฎ) , once a week (สัปดาห์ละครั้ง) , once a month
                          (เดือนละครั้ง) , twice a week (สองครั้งต่อสัปดาห์) , three times a week (สามครั้งต่อสัปดาห์) ,
                         every day (ทุกวัน) , every other day (วันเว้นวัน) , every (night / month, week/year/
                         Thursday) เช่น
                                - He is never late for school.
                                - He always studies grammar in the morning.
                                - She visits her parents every month.

          
รูปประโยคของ Present Simple คือ กริยาในช่องที่หนึ่ง ถ้าประธานเป็นเอกพจน์กริยาต้องเติม s, หรือ es ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ และ I กริยา ไม่ต้อง เติม s 


                                                   











วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

โรงเรียน มัธยมวัดดุสิตาราม


สัญลักษณ์และตราประจำโรงเรียน
                                                                                                           
ตราประจำโรงเรียน
“ รูปวิมานสามยอด มีพระวิสูตรลอยอยู่บนก้อนเมฆ ลายเส้นสีน้ำเงินพื้นสีฟ้าอ่อน”
ศูนย์รวมน้ำใจชาวดุสิตาราม
                  พระพุทธชินราชดุสิตาราม พระพุทธมงคล ศาลพระภูมิ และพระยอดเสาธง        
            พระพุทธรูปประจำโรงเรียนพระนามว่า    พระพุทธชินราชดุสิตาราม  ขนาดหน้าตักกว้าง 29      นิ้ว ความสูง 2 เมตร
ปรัชญาโรงเรียน
อชฺเชว    กิจฺจมาตปฺปํ   ความเพียรควรทำเสียแต่วันนี้
คำขวัญ อุดมการณ์ของโรงเรียน
ประพฤติดี มีวินัย ใฝ่ศึกษา รักษาคุณธรรม  
ต้นไม้ประจำโรงเรียน
 ต้นแก้ว เป็นไม้มงคล นิยมปลูกในสถานที่ควรแก่การสักการะ บูชา เช่น ในวัดวาอาราม เทวสถาน      ที่ซึ่งให้การศึกษาแก่บุคคลทั่วไป
สีประจำโรงเรียน  
สีฟ้า - ขาว 
สีฟ้า คือ    สีแห่งความดีงาม ความสูงส่งดุจท้องฟ้าซึ่งห่อหุ้มพื้นพิภพของเราไว้
                       สีขาว คือ สีแห่งความสะอาดบริสุทธิ์แห่งพุทธศาสนาเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่า  
โรงเรียนตั้งขึ้นได้โยอาศัยบวรพระพุทธศาสนา
                สีฟ้า  - ขาว จึงเป็นสถานที่รวมแห่งความดี ความสูงส่ง ความสามัคคี ความรัก ความเชื่อมั่นและความเมตตากรุณาอย่างบริสุทธิ์

ประวัติโรงเรียน  

 ประวัติโรงเรียน
        โรงเรียนมัธยมวัดดุสิตาราม จัดตั้งขึ้นเมื่อ 5 มิถุนายน พ.ศ.2504  สังกัดกองการศึกษา กรมสามัญศึกษา   
กระทรวงศึกษาธิการ เป็นโรงเรียนสหศึกษาขนาดใหญ่เปิดทำการสอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 7
 พ.ศ. 2519 โรงเรียนได้โอนจากกองการประถมศึกษามาสังกัดกองการมัธยมศึกษา กรมสามัญศึกษา โดยเปิดทำการสอนระดับมัธยมศึกษาปีที่  1 (ม.ศ.1)  ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ( ม.ศ.3 )  สังกัดกองการมัธยมศึกษา
 พ.ศ. 2521  เปิดทำการสอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ( ม.1 ) ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3   ( ม.3 )
 พ.ศ.2526 กรมสามัญศึกษา อนุมัติให้โรงเรียนเปิดทำการสอนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายคือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 
ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6  เต็มรูปแบบจำนวน 42 ห้องเรียน  และเปิดทำการสอนการศึกษาผู้ใหญ่
     ปัจจุบันตั้งอยู่ที่เลขที่  1/13   ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า   แขวงอรุณอมรินทร์  เขตบางกอกน้อย  กรุงเทพมหานคร 10700  
มีเนื้อที่ 4  ไร่  2 งาน  47 ตารางวา  โทรศัพท์ 0-2424-8870 , 0-2424-4068  โทรสาร 0-2883-1786
และเว็บไซต์โรงเรียน www.dusitaram.ac.th          
   สังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่เปิดสอนตั้งแต่
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  1 ถึง  ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6  รวมทั้งสิ้น 53 ห้องเรียน จำนวนครู-อาจารย์   85  คน
ครูอัตราจ้าง 16 คน  เจ้าหน้าที่อัตราจ้าง 12 คน จำนวนนักเรียน 2,340 คน โดยมี นายประมาณ   ชูพิพัฒน์
ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2554 ถึงปัจจุบัน

กิจกรรมที่น่าสนใจของโรงเรียน มัธยมวัดดุสิตาราม ที่สร้างความสัมพันธ์แก่ชุมชนบริเวณโรงเรียน
โครงการใสสะอาด พอเพียง เพื่อพ่อ สู่สถานศึกษาและชุมชน
กิจกรรมเพื่อสรรค์สร้างเยาวชน เป็นพลเมืองเข้มแข็ง ใจอาสา(๑)

โรงเรียนมัธยมวัดดุสิตาราม
               ภาพกิจกรรมความประทับใจของน้องๆ โรงเรียนมัธยมวัดดุสิตาราม ที่เข้าร่วมกิจกรรมกับครอบครัวพอเพียง และโครงการใสสะอาด พอเพียงเพื่อพ่อ สู่สถานศึกษา และชุมชน ภายใต้กิจกรรมเพื่อสร้างสรรค์เยาวชน เป็นพลเมืองเข้มแข็งใจอาสา (๑) ได้แบ่งฐานข้อมูลผู้นำทางความรู้ออกเป็น ๕ ฐานด้วยกัน
              (๑) ด้านเศรษฐกิจ เป็นข้อมูลที่จะทำให้น้องๆได้รู้ว่าครอบครัวของตนเองนั้นมีรากแก้วหรือไม่ มีภูมิคุ้มกันภายในครอบครัวหรือไม่ และทำให้รู้จักรากฐานของครอบครัวเพิ่มมากขึ้น และเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคเพื่อลดค่าใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยโดยการวางแผนวางแผนการออมเงิน
              (๒) ด้านประเทศไทยน่าอยู่ พูดถึงเรื่องการสร้างธรรมาภิบาล (ความเป็นธรรมและความโปร่งใส) ภายในโรงเรียน รวมถึงการเป็นจิตอาสาและความเสียสละภายในโรงเรียนและนอกโรงเรียน
              (๓) ด้านสิ่งแวดล้อม โดยร่วมกันพัฒนาสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียน รู้คุณค่าของเศษอาหารและขยะ ทำโรงเรียนให้น่าอยู่
              (๔) ด้านศาสนา และวัฒนธรรม โดยการปลูกฝังจิตสำนึกความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ร่วมกันฟื้นฟูประเพณีไทยและอนุรักษ์ความเป็นกุลสตรี
              (๕) ด้านไซเบอร์พอเพียง เป็นการสร้างเครือข่ายไซเบอร์เพื่อสร้างพลเมืองรุ่นใหม่ใจอาสายั่งยืน และเครือข่ายเยาวชน ที่มีความคิดก้าวหน้าและเป็นประโยชน์ต่อสังคมบนโลกไซเบอร์ ทำให้เยาวชนมีพื้นที่ในการแลก เปลี่ยนเรียนรู้และรู้จักแสดงออกในทางที่ถูกต้อง


วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เด็กชายปลาบู่

ผู้ว่าฯ ตาก ยัน เขื่อนไม่แตก ตามคำ เด็กชายปลาบู่


เขื่อนภูมิพล
เขื่อนภูมิพล

          ผู้ว่าฯ ตาก ยืนยัน เขื่อนภูมิพลไม่แตกในคืนปีใหม่ หลังมีคำทำนาย เด็กชายปลาบู่ ระบุไว้ ทำคนตื่นตระหนก 
          สร้างความฮือฮาในโลกไซเบอร์ไปก่อนหน้านี้ สำหรับคำทำนายของ "เด็กชายปลาบู่" ที่ได้ทำนายถึงภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ และหนึ่งในคำทำนายของ "เด็กชายปลาบู่" ที่สร้างความหวาดผวาให้กับผู้คนจำนวนมากในขณะนี้ ก็คือ คำทำนายที่ว่า ในช่วงเวลายามสองของคืนปีใหม่ พ.ศ.2555 นี้ จะเกิดเหตุการณ์เขื่อนที่จังหวัดตากพัง รวมทั้งยังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวจนผู้คนล้มตายมากมาย
          อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ซึ่งนายสามารถระบุว่า หลังจากมีกระแสข่าวลือคำทำนายของเด็กชายปลาบู่ในโลกไซเบอร์ ก็ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ใต้เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และจังหวัดใกล้เคียงซึ่งเป็นแหล่งรองรับน้ำตื่นตกใจกลัว โทรศัพท์เข้ามาสอบถามกันเป็นจำนวนมาก บางคนถึงกับจะขายที่ ขายบ้าน เพื่อไปหาแหล่งที่อยู่อาศัยใหม่
          ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ ตาก กล่าวว่า อยากให้ประชาชนรับฟังข่าวลือต่าง ๆ ด้วยวิจารณญาณด้วย เพราะมั่นใจว่า เขื่อนภูมิพลสามารถรับแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวได้ถึง 7 ริกเตอร์ และที่ผ่านมา เคยเกิดแผ่นดินไหวเพียงแค่ 3 ริกเตอร์เท่านั้น อีกทั้งเขื่อนภูมิพลไม่ได้อยู่ในแนวเปลือกโลก ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าเขื่อนมั่นคงแข็งแรงดี
          ขณะที่นายณรงค์ ไทยประยูร ผู้อำนวยการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประทศไทย (กฟผ.) เขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก ก็ได้ยืนยันเช่นกันว่า เขื่อนภูมิพลมีการออกแบบเป็นเขื่อนคอนกรีตโค้ง ซึ่งเอาแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมดวางไว้กับภูเขา ดังนั้นเขาทั้งสองด้านจะรับแรงได้ทั้งหมด หากเกิดการสั่น แสดงว่าต้องสั่นสะเทือนทั้งภูเขา เพราะฉะนั้น หากภูเขาไม่พัง เขื่อนก็ไม่พัง และขอให้มั่นใจได้ว่า เขื่อนภูมิพลทนต่อแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 7 ริกเตอร์ และมีความปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะตรวจสอบ บำรุงรักษาอยู่ตลอดเวลา


ฟังอีกครั้ง... คำพยากรณ์ภัยพิบัติ จากเด็กชายปลาบู่
เด็กชายปลาบู่
เด็กชายปลาบู่


พ่อของ เด็กชายปลาบู่

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ดูเหมือนว่าภัยพิบัติ และเหตุการณ์ความวุ่นวายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกตั้งแต่ต้นปี 2011 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น สึนามิที่ญี่ปุ่น กัดดาฟี แผ่นดินไหว การปฏิวัติลิเบีย ฯลฯ ประกอบกับคำพยากรณ์ต่าง ๆ จะยิ่งทำให้ชาวโลกยิ่งเชื่อว่า คำทำนายโลกแตก ในปี 2012 ดูท่าจะเป็นจริงมากขึ้นทุกที

          สอดคล้องกับจากคำพยากรณ์ของ "เด็กชายปลาบู่" ที่กำลังฮือฮาในโลกไซเบอร์อยู่ในขณะนี้ เพราะไม่เพียงแต่เด็กชายปลาบู่จะทำนายสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็น่าหวาดกลัวไม่ใช่น้อยเช่นกัน ซึ่งคำพยากรณ์เหล่านี้ เด็กชายปลาบู่ทำนายเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่ เขาเสียชีวิตไปแล้วถึง 37 ปี...ส่วนคำทำนายชวนขนลุกที่ว่านั้นจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ ณ บัดนี้...

          นายทองใบ คำสี พ่อของเด็กชายปลาบู่ ได้เป็นสื่อในการบอกเล่าคำพยากรณ์ดังกล่าวให้ฟังว่า... กระผมชื่อนายทองใบ คำสี เกิดวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2481 อายุ 73 ปี เป็นชาวอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี มีลูกทั้งหมด 5 คน เป็นผู้หญิง 4 คน ผู้ชาย 1 คน ชื่อ "ปลาบู่" ซึ่งได้เสียชีวิตมาแล้ว 37 ปี ตอนเขามีอายุได้ 5 ปี 8 เดือน กับอีก 15 วัน

          ก่อนตายบุตรชาย บอกว่า อีก 15 วันหนูจะตายแล้ว หนูอยากคุยกับพ่อ และให้ไปซื้อเทปมาบันทึกเสียงเขา แต่ตนไม่ได้ทำตาม เพราะไม่เชื่อว่าเขาจะตายจริง ๆ ตนได้ฟังหลาย ๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอนที่บุตรชายได้เล่าเมื่อวันที่ 23-25 มิถุนายน พ.ศ.2517 เป็นเวลา 37 ปีมาแล้ว เรื่องสำคัญ ๆ ที่เขาเล่าคือ เรื่องอดีตชาติของเขา และเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยและโลกในอนาคต

          ในเรื่องอดีตชาติของเขา เขาบอกว่า หนูระลึกชาติได้จริง ๆ เป็นปู่ของปู่ทวด เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตาเป็นทิพย์ หูเป็นทิพย์ หมดทั้งตัวเป็นไพฑูรณ์ เมื่อชาติก่อนโน้นหนูเคยเกิดเป็นพระชื่อ "ชิตะ" ตอนพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตได้บอกว่าหนูจะได้เป็น "พระศรีอาริยเมตไตรย" ไม่ต้องมีตำรา ไม่ต้องมีคัมภีร์ก็เทศน์ได้

          และก่อนจะเล่าถึงภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น ปลาบู่ถามว่า "เขื่อนที่ จ.ตาก เจอแผ่นดินไหวพังมั้ย?" ตอนนั้นตนก็ทำงานกับพวกฝรั่ง รู้ว่ามันแข็งแรงมากขนาดไหนก็บอกไปว่า ไม่จมหรอก แต่ปลาบู่บอกว่า "หนูมองเห็นความเสียหาย มีคนตายมากมาย อำเภอสามเงา ตาก นครสวรรค์ อโยธยา ปทุมธานี นนทบุรี โรงพยาบาลศิริราช ท่าเรือคลองเตย เครื่องบินโดยสารไอพ่นจมน้ำด้วย"

          ทั้งนี้ ปลาบู่ต้องการให้ตนเป็น "สื่อ" มาบอกให้มีการเตรียมการป้องกันเขื่อนที่จะพังจากแรงแผ่นดินไหว ก่อนจะแก้ไขไม่ได้ โดยการเอาเหล็กรางรถไฟไปหุ้มให้แข็งแรงเป็นเขื่อนเหล็ก (นำรางรถไฟที่ไม่ใช้แล้ว เพราะสับเปลี่ยนเป็นรางใหม่ ซึ่งปัจจุบันวางกอง ๆ ไว้มากมายตามสถานีรถไฟ) นำไปเสริมตัวเขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตาก และเขื่อนเจ้าพระยา ที่จังหวัดชัยนาท เพื่อให้มีความแข็งแรง เพียงพอที่จะรับแรงแผ่นดินไหว เพราะการเตรียมการป้องกันไว้ก่อน เมื่อเกิดปัญหาจะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา

          และเขื่อนที่สร้างเสร็จแล้วยังไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้วางท่อใหญ่ ๆ เพื่อระบายน้ำจากตัวเขื่อนลงทะเล เพราะถ้าระดับน้ำในเขื่อนเต็มขึ้นมา ก็จะมีการปล่อยน้ำออกจากตัวเขื่อน น้ำก็จะท่วมบ้านเรือนที่อยู่ใต้ตัวเขื่อน แต่ถ้ามีการวางท่อใหญ่ ๆ จากตัวเขื่อนลงสู่ทะเลเลย น้ำก็จะระบายลงท่อไปสู่ทะเล ไม่ท่วมบ้านเรือนและแผ่นดินที่อยู่ข้างบน น้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้ และจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ในระยะยาว และเรื่องการขุดคลองลัดคอคอดลูกน้ำเต้าเพื่อระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาให้ ไหลเร็วขึ้น (ปัจจุบันเป็นโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว)

          หนูอยากให้รัฐบาลทำเขื่อนใต้น้ำ ดักทรายเป็นระยะเพื่อให้แม่น้ำเจ้าพระยาตื้นขึ้นเหมือนเดิม เพราะเมื่อขุดแม่น้ำเจ้าพระยาลึก ๆ ก้นแม่น้ำก็จะมีแต่ตมเลนน้ำหนักของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำจะกดตมเลนในแม่น้ำ ให้ปูดขึ้นมา ทำให้เกิดการทรุดตัวของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำ และเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ตึกรามบ้านช่อง สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ จะพัง อีกทั้ง น้ำในตัวเขื่อนที่พังยังไหลมาท่วมซ้ำเติม ทุกข์ยาก ลำบากมาก ๆ ตนจึงขอวิงวอนรัฐบาลและผู้ที่รับผิดชอบช่วยพิจารณาดังกล่าวเหล่านี้ด้วย

          และปลาบู่ถามอีกว่า อีก 27 ปี พ.ศ.อะไร ? (2544) จะมีเครื่องบินชนตึก, อีก 30 ปี พ.ศ.อะไร ? (2547) จะเกิดคลื่นยักษ์คนจะตายกันมาก, อีก 35 ปี พ.ศ.อะไร ? (2552) จะเกิดแผ่นดินไหวในต่างประเทศ, อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯ จมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง "ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน เกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย" (ยามสอง คือประมาณเวลา 22.00 –24.00 น.) และอีก 40 ปี จะเกิดสงครามนิวเคลียร์!!!

          นอกจากนี้ ปลาบู่ยังได้ขอร้องตนว่า ขอให้พ่อยกที่ดินที่สวนศรีมหาโพธิ์ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ให้หนูนะ และขอให้พ่อปลูกต้นโพธิ์ไว้ 200 ต้น หากหนูตายไปแล้วพ่อจะรู้เอง ให้จำปานของหนูไว้ให้ดี หนูจะกลับมาเกิดอีกครั้ง ตัวโตเท่านี้จะบวชเณร ออกธุดงค์มาช่วยพ่อสร้างวัด "สุทัศน์เทพไพฑูรย์"(สวนศรีมหาโพธิ์) พร้อมกับแม่ใหม่ จะมาทำปาฏิหาริย์เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา (ซึ่งต่อไปประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างแก่ประเทศอื่น ๆ ต่างประเทศจะมาพึ่งพาประเทศไทย และพระพุทธศาสนาจะเป็นอันดับหนึ่งของโลก ขณะที่ประเทศอื่น ๆ จะเสียหายเพราะภัยพิบัติและการสู้รบจากสงคราม)

          โดยที่สวนศรีมหาโพธิ์จะเป็นสถานปฏิบัติธรรมของผู้หญิง และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและคนชรา (ในยุคที่เกิดความทุกข์ยากเพราะภัยพิบัติ) บนเขาลับแล (โครงการจัดตั้งฯ วัดป่าร่มโพธิ์ศรีฯ) จะเป็นวัดที่อยู่ของพระภิกษุและสามเณร จะมีพระองค์หนึ่งมีบุญบารมีมาก จะมาช่วยพ่อสร้างวัด จะมีคนมาถวายให้สร้างโน่นสร้างนี่จนสร้างไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งในปัจจุบันตนได้สร้างรอลูกชายตามที่สัญญาไว้ว่าจะมาหาทั้งสองที่ และได้เฝ้ารอคอยการกลับมาของบุตรชายในชาติใหม่มาเป็นเวลา 37 ปีแล้ว

          ตนได้ฟังหลาย ๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอน ตามเรื่องที่ปลาบู่เล่าเป็นเวลา 37 ปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้ตนอายุ 73 ปีแล้ว เป็นห่วงประเทศชาติ และเชื่อว่าต้องเป็นความจริงตามที่ปลาบู่เล่า เพราะที่ผ่านมาเกิดขึ้นมาหมดแล้ว เหลือแต่เรื่องที่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง...


คำทำนายเด็กชายปลาบู่

บ้านเลขที่ 234/2 หมู่ 1 บ้านตามูล
ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว
จังหวัดจันทบุรี 2 2 1 8 0

วันที่ 28 กันยายน 2554
สวัสดีครับ ผู้ที่รักผืนแผ่นดินไทย ทุกท่าน

          กระผม ชื่อนายทอง ใบคำสี เกิดวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2481 อายุ 73 ปี เป็นชาวอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี กระผมมีลูกทั้งหมด 5 คน เป็นผู้หญิง 4 คน ผู้ชาย 1 คน บุตรชายของผมคนเดียวชื่อ “ปลาบู่” ซึ่งได้เสียชีวิตมาแล้ว 37 ปี ตอนเขามีอายุได้ 5 ปี 8 เดือน กับอีก 15 วัน

          ก่อนตายบุตร ชาย บอกกับผมว่า อีก 15 วันหนูจะตายแล้ว หนูอยากคุยกับพ่อ และให้ผมไปซื้อเทปมาบันทึกเสียงเขา แต่ผมไม่ได้ทำตาม เพราะไม่เชื่อว่าเขาจะตายจริง ๆ

          กระผมได้ฟังหลาย ๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอนที่บุตรชายได้เล่าเมื่อ วันที่ 23-25 มิถุนายน พ.ศ.2517 เป็นเวลา 37 ปีมาแล้ว เรื่องสำคัญ ๆ ที่เขาเล่าคือ เรื่องอดีตชาติของเขา และบุคคลสำคัญ ๆ เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยและโลกในอนาคต เรื่องราวในอนาคตของประเทศไทย เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 เรื่องดวงอาทิตย์ โลก จักรวาล ธาตุ เหล็กไหล มีความเป็นมาอย่างไร เรื่องขุมทรัพย์ในแผ่นดินที่พระแม่ธรณีเก็บเอาไว้หลาย ๆ แห่ง ฯลฯ

          รวมถึงต้องการให้พ่อเป็น"ทูต" หรือ "สื่อ" ให้มีการเตรียมการป้องกันเขื่อนที่จะพังจากแรงแผ่นดินไหว การวางท่อใหญ่ ๆ เพื่อระบายน้ำจากตัวเขื่อนลงทะเลเพราะน้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้ และเรื่องการขุดคลองลัดคอคอดลูกน้ำเต้าเพื่อระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาให้ ไหลเร็วขึ้น (ปัจจุบันเป็นโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว)

          ในเรื่องอดีตชาติของเขา เขาบอกว่า หนูระลึกชาติได้จริง ๆ เป็นปู่ของปู่ทวด เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้มั้ย ตาเป็นทิพย์ หูเป็นทิพย์ หมดทั้งตัวเป็นไพฑูรณ์ เมื่อชาติก่อนโน้นหนูเคยเกิดเป็นพระชื่อ "อชิตะ" ตอนพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตได้บอกว่าหนูจะได้เป็น "พระศรีอาริยเมตไตรย" ไง ไม่ต้องมีตำรา ไม่ต้องมีคัมภีร์ก็เทศน์ได้

          อยากให้พ่อช่วยเป็นทูตทางวิญญาณบอกให้ท่านทราบ จะได้ป้องกันไว้ก่อนที่เขื่อนจะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว "แผ่นดินแยก เขื่อนแตกขาด" เขื่อนกักเก็บน้ำที่จังหวัดตาก จะพังเสียก่อนจะแก้ไขไม่ได้ โดยการเอาเหล็กรางรถไฟไปหุ้มให้แข็งแรงเป็นเขื่อนเหล็ก จะได้พังไม่มาก จากหนักจะได้เป็นเบา

          "หนูมองเห็นความเสียหาย มีคนตายมากมาย อำเภอสามเงา ตากนครสวรรค์ อโยธยา ปทุมธานี นนทบุรี โรงพยาบาลศิริราช ท่าเรือคลองเตย เครื่องบินโดยสารไอพ่นจมน้ำด้วย"

          เขาถามผมว่า "รถไฟลอยฟ้ามันเหาะได้มั้ยพ่อ?" "รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้มั้ยพ่อ?" (ปี พ.ศ.2517 ยังไม่มีรถไฟลอยฟ้าและรถไฟใต้ดิน) ใต้กรุงเทพฯ- ธนบุรีไม่มีลูกรัง-หิน มีแต่ทรายทับถมโคลนตมอยู่ลึกๆ คนโบราณก่อสร้างเมืองไม่ต้องตอกเสาเข็ม เอาซุงมาทำแพบก จึงทำได้มั่นคงแข็งแรง

          แม่น้ำเจ้าพระยาถูกขุดลอกให้ลึก ๆ เป็นอันตรายมาก ๆ เพราะทรายทับถมตมเลนเหลือบางมาก ๆ ทำให้ตมเลนปูดทะลักขึ้นมาในแม่น้ำเจ้าพระยา ตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างที่มีน้ำหนักมาก ๆ จมดินยังไม่พอ เพราะเสาเข็มยังจมยังไม่ถึงดินดาน รถไฟยังวิ่งสะเทือนเขย่าเม็ดทรายที่หุ้มเสาเข็ม ทำให้เสาเข็มทรุดตัว

          หนูอยากให้รัฐบาลทำเขื่อนใต้น้ำ ดักทรายเป็นระยะเพื่อให้แม่น้ำเจ้าพระยาตื้นขึ้นเหมือนเดิม เพราะเมื่อขุดแม่น้ำเจ้าพระยาลึก ๆ ก้นแม่น้ำก็จะมีแต่ตมเลนน้ำหนักของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำจะกดตมเลนในแม่น้ำ ให้ปูดขึ้นมา ทำให้เกิดการทรุดตัวของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำ

          ตึกราม บ้านช่อง สิ่งก่อสร้างต่างๆ จะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว น้ำในตัวเขื่อนที่พังยังไหลมาท่วมซ้ำเติม ทุกข์ยาก ลำบากมาก ๆ การสร้างเขื่อนใหญ่อยู่เหนือพระนคร เป็นอันตราย เพราะแรงแผ่นดินไหวแรงมาก เหมือนเมื่อก่อน ครั้งนาน ๆ โน้น ที่ไดโนเสาร์ตายหมด !!

          เขียนถึงตรงนี้เด็กอายุเพียง 5 ขวบ 8 เดือน 15วัน บ่นว่า เขื่อนที่สร้างเสร็จแล้วยังไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้วางท่อใหญ่ ๆ เพื่อเอาน้ำออกสู่ทะเล ไม่มีท่อปล่อยน้ำออกจากเขื่อน เพราะถ้าระดับน้ำในเขื่อนเต็มขึ้นมา ก็จะมีการปล่อยน้ำออกจากตัวเขื่อน น้ำก็จะท่วมบ้านเรือนที่อยู่ใต้ตัวเขื่อน แต่ถ้ามีการวางท่อใหญ่ ๆ จากตัวเขื่อนลงสู่ทะเลเลย น้ำก็จะระบายลงท่อไปสู่ทะเล ไม่ท่วมบ้านเรือนและแผ่นดินที่อยู่ข้างบน น้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้ และจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ในระยะยาว

          ปลาบู่ถามผมว่าอีก 27 ปี พ.ศ.อะไร ? (2544) จะมีเครื่องบินชนตึก อีก 30 ปี พ.ศ.อะไร ? (2547) จะเกิดคลื่นยักษ์คนจะตายกันมาก อีก 35 ปี พ.ศ.อะไร? (2552) จะเกิดแผ่นดินไหวในต่างประเทศ แต่อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง "ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน เกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย" (ยามสอง คือประมาณเวลา 22.00 –24.00 น.)

          กระผม ได้ฟังหลาย ๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอน ตามเรื่องที่ปลาบู่เล่าเป็นเวลา 37 ปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้กระผมอายุ 73 ปีแล้ว เป็นห่วงประเทศชาติ เชื่อว่าต้องเป็นความจริงตามที่ปลาบู่เล่า เพราะที่ผ่านมาเกิดขึ้นมาหมดแล้ว เหลือแต่ที่ยังไม่ถึง

          ปลาบู่บอกว่า พ่อครับที่ดินแปลงนี้ยกให้หนูนะ (ที่สวนศรีมหาโพธิ์ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ได้ปลูกต้นโพธิ์ตามที่ลูกชายขอไว้กว่า 200 ต้น เป็นเวลา 36 ปีแล้ว) และให้ทำถนนให้รอบเหมือนกับสนามหลวง ให้ปลูกต้นโพธิ์ให้ด้วย หากหนูตายไปแล้วพ่อจะรู้เอง.. ให้จำปานของหนูไว้ให้ดี.. หนูจะกลับมาเกิดอีกครั้งเป็นลูกของ…… ตัวโตเท่านี้จะบวชเณร ออกธุดงค์มาช่วยพ่อสร้างวัด "สุทัศน์เทพไพฑูรย์" (สวนศรีมหาโพธิ์) พร้อมกับแม่ใหม่ จะมาทำปาฏิหารย์เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา (ลูกชายบอกว่าต่อไปประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างแก่ประเทศอื่น ๆ ต่างประเทศจะมาพึ่งพาประเทศไทย และพระพุทธศาสนาจะเป็นอันดับหนึ่งของโลก ขณะที่ประเทศอื่น ๆ จะเสียหายเพราะภัยพิบัติและการสู้รบจากสงคราม) จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ในปีที่ 40 หลังจากเสียชีวิต (ตรงกับ พ.ศ. 2557)

          ที่สวนศรีมหาโพธิ์จะเป็นสถานปฏิบัติธรรมของผู้หญิง และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและคนชรา (ในยุคที่เกิดความทุกข์ยากเพราะภัยพิบัติ) บนเขาลับแล(โครงการจัดตั้งฯ วัดป่าร่มโพธิ์ศรีฯ) จะเป็นวัดที่อยู่ของพระภิกษุและสามเณร จะมีพระองค์หนึ่งมีบุญบารมีมาก จะมาช่วยพ่อสร้างวัด จะมีคนมาถวายให้สร้างโน่นสร้างนี่จนสร้างไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งในปัจจุบันผมได้สร้างรอลูกชายตามที่สัญญาไว้ว่าจะมาหาทั้งสองที่ และได้เฝ้ารอคอยการกลับมาของบุตรชายในชาติใหม่มาเป็นเวลา 37 ปีแล้ว

          กระผม ขอวิงวอนรัฐบาลและผู้ที่รับผิดชอบช่วยพิจารณาเรื่องการนำรางรถไฟที่ไม่ ใช้แล้วเพราะสับเปลี่ยนเป็นรางใหม่ (ซึ่งปัจจุบันวางกอง ๆ ไว้มากมายตามสถานีรถไฟ) นำไปเสริมตัวเขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตาก และเขื่อนเจ้าพระยา ที่จังหวัดชัยนาท เพื่อให้มีความแข็งแรง เพียงพอที่จะรับแรงแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักในการเขียนจดหมายของกระผมในครั้งนี้ และท่านคงทราบดีว่าในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงในด้านธรณีวิทยาทำให้เกิด แผ่นดินไหวบ่อยครั้ง และสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั่วทั้งโลก การป้องกันเตรียมการไว้ก่อน เมื่อเกิดปัญหาจะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา

ขอแสดงความนับถือ
ทองใบ คำสี


รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 11.00น. วันนี้ (9 ม.ค.) นายทองใบ คำศรี อายุ 73 ปี บิดาของ ด.ช.ปลาบู่ ได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรเมืองตาก อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก เพื่อเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมให้ปากคำ
กรณีที่ นายสงคราม มนัสสา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก เขต 4 เมืองตาก เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดี ในข้อหา กล่าวเท็จ ทำให้ประชาชน ตื่นตกใจว่า เขื่อนภูมิพล จะแตกในคืนวันวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่เป็นไปตามกล่าวอ้าง
ทั้งนี้การเข้ามอบตัวดังกล่าว นายทองใบ คำศรี พ่อของด.ช.ปลาบู่ ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ได้ยกมือไหว้ แสดงความขอโทษ ชาวเมืองตากที่ทำให้ตื่นตกใจ เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้ส่งเรื่องฟ้องศาลยุติธรรม ให้พิจารณาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านนายสงคราม กล่าวว่า การแจ้งความดำเนินคดีกับนายทองใบฯครั้งนี้ เพื่อให้หลาบจำและหยุดพูดคำเท็จที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อจังหวัดตากอีก
ล่าสุด พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนและนำตัวนายทองใบส่งฟ้องศาลจังหวัดตาก ขณะที่ศาลได้สั่งลงโทษจำคุกนายทองใบเป็นเวลา 15 วัน ปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี